Koh Si Chang
เกาะสีชังครั้งแรกก็รักเลย : )
เราได้ยินชื่อเกาะสีชังตั้งแต่สมัยอยู่มหาลัยแล้วล่ะ แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ไปซักที พอได้ไปแล้วก็รู้สึกว่า เห้ยยย ที่นี่คือดีมากๆ ใกล้กรุงเทพแค่นิดเดียวขับรถไปไม่ถึงสองชั่วโมง เป็นเกาะเล็กๆที่เงียบสงบ ผู้คนน่ารักใจดี มุมถ่ายรูปสวยอลังการอย่างไม่น่าเชื่อ ไปครั้งแรกก็ประทับใจจนอยากจะกลับไปอีกบ่อยๆเลย
รีวิวนี้ก็จะมาแชร์แพลนเที่ยวเกาะสีชังสำหรับคนที่มีเวลาน้อย #พักแค่1คืนยังไงให้ได้รูปมุมเก๋ๆกลับบ้านเพียบ
การเดินทาง
ขับรถไปจอดทิ้งไว้ที่ท่าเรือเกาะลอย
เรือออกไปเกาะสีชังทุกๆชั่วโมง มีตั้งแต่ 6AM - 7PM
ค่าเรือคนละ 50 บาท ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
เหมา Speed boat 1,500 บาท ใช้เวลา 15 นาที
ที่พัก
De'Anchor เป็นที่พักเก๋ๆ น่ารัก แนะนำให้เลือกห้องวิวทะเล อาหารในโรงแรมอร่อย แนะนำเมนู ปูนิ่มผัดพริกเกลือ กับต้มยำกุ้งน้ำข้น ที่พักมีรถตุ๊กๆคอยพาไปสถานที่ต่างๆ ค่ารถเค้าคิดตามระยะทาง ราคาโอเคไม่แพงเกินไป เราใช้บริการให้พาไปทุกที่ในทริปนี้
มุมถ่ายรูป
1. แหลมถ้ำพัง มีที่ถ่ายรูป 2 จุด ตรงมุมถ้ำและมุมวิวทะเล แสงเย็นสวยมาก นั่งดูพระอาทิตย์ตกตรงนี้ฟินสุดๆแล้ว
2. สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานสีขาวคลาสสิค ใครมาเกาะสีชังจะไม่พลาดมาที่สะพานนี้ มีเรือนไม้โบราณสีเขียวอยู่ไม่ไกลกัน บรรยากาศตรงนี้เหมือนย้อนยุคไปสมัยรัชกาลที่5เลย
3. หาดถ้ำพัง อยู่ไม่ไกลจากแหลมถ้ำพัง เป็นหาดที่เงียบสงบ คนน้อย มีโขดหินสวยๆให้ถ่ายรูปเล่น
4. ภูเขาหญ้า บางคนก็เรียกว่าทุ่งหญ้าสีทอง มุมนี้ถ่ายรูปออกมาจะได้ฟิลฮิปสเตอร์ บรรยากาศเหมือนไม่ใช่ที่เมืองไทยเลย
5. สะพานวชิราวุธ เป็นอีกมุมสวยที่คนชอบมาชมวิว เดินถ่ายรูปเล่น
ใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศและกำลังหาที่เที่ยวอยู่ แนะนำเกาะสีชังให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนะคะ เดินทางไม่ไกล ธรรมชาติสวย อากาศบริสุทธิ์ มาเที่ยวที่นี่แล้วมีความสุขมากๆ
จะมามุมนี้ต้องปีนหินลงไปนิดนึง แต่รูปออกมาสวยคุ้ม ตอนเย็นๆนั่งอยู่ตรงนี้มองเห็นนกบินผ่านไปมา สงสัยกำลังจะกลับเข้ารังกันมั๊ง เพลินมาก
ทุ่งหญ้าสีทองเหมือนก่อนเค้าบอกว่าแถวนี้มีหมูป่าเยอะ และดุมากๆ ตอนนี้หมูไม่อยู่แล้วจ้าา ถ่ายรูปได้สบายๆเลย
ที่พักของเราในทริปนี้คือ De'Anchor ในโรงแรมมีมุมน่ารักๆให้ถ่ายรูปเยอะอยู่เหมือนกัน
ตกแต่งแบบเท่ๆ ที่ชอบมากคือจากห้องนอนมองออกไปก็เห็นวิวทะเลสวยๆเลย
มาดูจุดแรกที่เราชอบสุด แหลมถ้ำพัง ในรูปดูหวาดเสียวนิดนึง แต่ของจริงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ หรือเพราะปีนอะไรแบบนี้จนชินก็ไม่รู้ 5555 เอารูปให้คนขับดูเค้าก็จะพามาตรงจุดนี้เลยค่ะ หาไม่ยาก ด้านซ้ายแอบมีถ้ำสวยๆอยู่ด้วยนะ ในถ้ำมีพระ อย่าลืมไหว้ท่านก่อนจะเข้าไปถ่ายรูป
บรรยากาศตอนเย็นคือดีมาก ลมโกรกๆ เสียงคลื่นทะเล เสียงนกร้อง อยากจะหลับตรงนี้เลย
ถ้ำข้างๆก็สวย เดินเข้าไปตรงนี้รู้สึกถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติมาก ลวดลายของหินต่างๆดูลึกลับน่าค้นหา ของจริงสวยกว่าในรูปเยอะเลย
ตรงนี้ก็อยู่ไม่ไกลกับมุมแรก ให้คนขับรถดูรูปแล้วพามาได้เลย แนะนำให้มาช่วงเย็นๆซัก 5 โมงนะคะ ตอนพระอาทิตย์ตกบรรยากาศโรแมนติคมาก มองไปรอบๆคือสวยไปหมด ถ้าบ้านอยู่ที่นี่จะมานั่งชิลตรงนี้ทุกวันเลย
แอบถ่ายชาวบ้านที่กำลังตกปลา
ภูเขาหญ้า ทุ่งหญ้าสีเหลืองที่อยู่ระหว่างทางไปหาดถ้ำพัง เป็นจุดที่สายฮิปไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
เดินเล่นที่หุ่งหญ้าเหนื่อยแล้วมาหลบร้อนที่ริมทะเลกันมั่ง ตรงนี้คือหาดถ้ำพังค่ะ ที่หาดนี้จะมีมุมที่มีโขดหินเยอะๆ ถ่ายรูปออกมาสวยแปลกตาดีเหมือนกัน
สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานที่รัชกาลที่ 5 ท่านทรงใช้เป็นท่าขื้นเทียบเรือหลังจากที่เสด็จประพาสฝรั่งเศส เป็นสะพานสีไม้ขาวที่ยื่นทอดไปทางทะเล ถือว่าเป็นมุมสุดฮิตของนักท่องเที่ยวใครมาเกาะสีชังต้องไม่พลาดมุมนี้
เรือนเขียว มีอายุ 116 ปี ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดเสด็จมายังเกาะสีชังเป็นประจำโดยเรือกลไฟชื่อ พระที่นั่งสยามอรสุมพล และประทับแรมบนเรือพระที่นั่งโดยมิได้สร้างพลับพลาที่ประทับ แต่ในเวลานั้นก็มีเรือนไม้พักผ่อนริมทะเล ปลูกสร้างอยู่แล้วหลังหนึ่งคือ เรือนเขียว ปัจจุบันยังอยู่และมีสภาพที่เรียบร้อยสมบูรณ์ บรรยากาศย้อนยุคมากๆเลย ชอบ
บริเวณนี้ต้นไม้สวยๆต้นใหญ่ๆเยอะมาก บรรยากาศร่มรื่น ที่นี่มุมถ่ายรูปเยอะมากค่ะ อยู่ตรงไหนก็สวยไปหมด
แถวริมทะเล Landscape ก็สวย ในรูปฝนกำลังตั้งเค้ามาแต่ไกล ลมแรงมาก หมวกเกือบปลิวแน่ะ
ปิดท้ายด้วยสะพานวชิราวุธ (ช่องเขาขาด)
ตรงนี้จะเป็นแหลมยื่นออกไป สามารถตกปลาได้ มีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ ในอดีตที่นี่เคยเป็นที่ตั้งพลับพลาใช้เป็นที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งเกาะ หน้าผา และทะเลสวยๆเลยค่ะ
เกาะสีชังก็จะมีเสน่ห์ประมาณนี้ ใครยังไม่เคยมาแนะนำให้ลองดูซักครั้งแล้วจะรักที่นี่เหมือนพวกเรา : )